การแปรงฟันอย่างถูกวิธี เเม่มือใหม่ต้องอ่าน

5 การแปรงฟัน คือการขจัดสิ่งสกปรกให้หลุดออก ซึ่งควรทำเป็นประจำอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง แต่บางคนแม้แปรงฟันตามคำแนะนำแล้วก็ยังคงฟันผุ ซึ่งไม่น่าแปลกใจหากการแปรงฟันของคุณเพียงแค่ขยับแปรงไปมา ไม่กี่ครั้งแล้วก็บ้วนออก หรืออีกกรณีคือพยายามแปรงฟันแปรงๆนานๆ ทำให้แปรงบาน หมดแรงสปริง ก็จะทำให้หมดประสิทธิภาพในการทำความสะอาด แถมเสี่ยงกับโรคเหงือกอักเสบเสียอีก 
การแปรงฟันอย่างถูกวิธี เเม่มือใหม่ต้องอ่าน

หลักการรักษาความสะอาดช่องปากที่ถูกหลัก จริงๆแล้วทำไม่ยากเลย เพียงเลือกยาสีฟันที่ดี แปรงสีฟันที่มีมาตรฐานและขั้นตอนการแปรงฟันที่เหมาะสม ซึ่งหากทำได้ตามนี้ก็ลดปัญหาฟันผุได้อย่างเหลือเชื่อ 
การแปรงฟันอย่างมีประสิทธิภาพ จะประกอบด้วยปัจจัย 5 ข้อ ดังนี้

1. ขนแปรง

เลือกขนแปรงที่นุ่ม สามารถป้องกันอาการเสียวฟันและการสึกกร่อนของผิวฟัน พร้อมซอกซอนตามร่องฟันที่เป็นแหล่งสะสมของเศษอาหารและคราบจุลินทรีได้อย่างทั่วถึง จากความเชื่อเดิมที่ว่าการแปรงฟันแรงๆจะทำให้ฟันสะอาดนั้น เป็นเรื่องที่เข้าใจผิดอย่างร้ายแรง ในความเป็นจริงการมีแปรงขนนุ่มที่มีการสปริงตัวได้ดี จะช่วยเสริมแรง และทำความสะอาดได้ดีกว่า

2. บริเวณที่ควรแปรงฟัน

บริเวณที่มีการสะสมของเศษอาหารและคราบแบคทีเรียมากที่สุด คือบริเวณเหงือกในช่วงรอยต่อระหว่างเหงือกและฟันที่จะมีคราบจุลินทรีย์และเศษอาหารเข้าไปติดได้ง่ายที่สุด และเป็นส่วนที่ตรวจพบฟันผุบ่อยที่สุด ดังนั้นเราจึงควรใส่ใจกับการทำความสะอาดบริเวณนั้นเป็นพิเศษ ซึ่งการทำความสะอาดที่ต้องที่แปรงอย่างเบามือและใช้แปรงขนนุ่ม ที่มีการคืนรูปแปรงที่ดีและกระทบเหงือกน้อยที่สุด การแปรงเหงือกไม่เพียงช่วยให้ทำความสะอาดสิ่งสกปรกแต่ยังช่วยนวดเหงือกให้แข็งแรงด้วย

3. ด้านของฟันที่แปรง

การแปรงฟันที่ดีควรแปรงฟันให้ทั่วทุกซี่และทุกด้าน ไม่ควรใส่ใจกับบริเวณใดเป็นพิเศษ เพราะเมื่อคราบจุลินทรีย์และแบคทีเรียก่อตัว ผลกระทบก็จะเกิดขึ้นทุกที่ในช่องปากได้เช่นกัน โดยจุดที่แปรงสีฟันเข้าถึงยากที่สุด คือบริเวณฟันที่อยู่ติดกระพุ้งแก้มด้านในสุด และด้านในของฟันรวมถึงเพดานปาก เป็นส่วนที่อับสายตา สังเกตได้ยาก จำเป็นต้องใช้เวลาและละเอียดอ่อน ส่วนลิ้นและร่องเหงือกมักจะเป็นจุดที่ถูกละเลยการแปรงมากที่สุด แต่จริงๆแล้วปัญหากลิ่นปากและแบคทีเรียที่ไม่หมด เกิดได้จากทุกที่แม้บริเวณลิ้น ดังนั้นจึงต้องใส่ใจให้มีความสะอาดเท่ากันและทั่วถึง

4. เวลาที่ใช้

จากการทดสอบพบว่า แปรงสีฟันสามารถแปรงฟันได้ครั้งละ 2-3 ซี่ ซึ่งเมื่อคำนวณเวลาจากการแปรงฟันทั้งด้านในและด้านนอกอย่างทั่วถึง จะใช้เวลาทั้งสิ้นประมาณ 2 นาที ดังนั้นการแปรงฟันควรแปรงอย่างตั้งใจ ไม่รีบร้อน เพื่อให้การแปรงมีประสิทธิภาพส่งผลต่อสุขภาพช่องปากที่ดี

5. ยาสีฟัน

การแปรงฟันควรใช้ควบคู่กับยาสีฟันทุกครั้ง ซึ่งการเลือกยาสีฟันที่ดี ต้องมีส่วนผสมของฟลูออไรด์ ในการป้องกันผุ เพราะเมื่อเราแปรงฟันไปได้ในระยะหนึ่งแล้วฟลูออไรด์จะเข้าไปทำปฏิกิริยาป้องกันฟัน เคล็ดลับการเลือกยาสีฟันที่ดี ควรเลือกยาสีฟันที่ไม่มีสีเข้มหรือเลือกใช้ที่มีส่วนผสมของสารฟอกฟันขาว จะช่วยป้องกันฟันเหลืองและให้ฟันขาวสะอาดขึ้น

การแปรงฟันที่ถูกวิธี

การแปรงฟันที่ถูกวิธี หมายถึง การแปรงโดยใช้แปรงสีฟันขนนุ่มควบคู่กับยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ โดยใส่ใจกับบริเวณที่เสี่ยงต่อการสะสมของเชื้อโรคสูง คือ ฟันกราม ฟันด้านใน และลิ้น  
การแปรงฟันอย่างถูกวิธี เเม่มือใหม่ต้องอ่าน

  • อุปกรณ์สำหรับการแปรงฟัน 

การแปรงฟันอย่างถูกวิธี เเม่มือใหม่ต้องอ่าน
  • แปรงสีฟัน

การเลือกแปรงที่ดี คือ ต้องมีความยาวของคนแปลงคลุมตัวฟัน ประมาณ 1 – 1.5 เท่า ขนแปรงอ่อนนุ่มปลายมนเพื่อไม่กระทบต่อผิวฟันและบาดเหงือก อีกทั้งการคืนตัวของแปรงต้องมีการสปริงตัวที่ดี เพื่อการทำความสะอาดที่ดีกว่า
  • ยาสีฟัน

ยาสีฟันที่ดี คือ มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ ซึ่งในยาสีฟันเด็กจะมีปริมาณฟลูออไรด์ผสมอยู่น้อยกว่าของผู้ใหญ่ ฟลูออไรด์มีผลช่วยลดสภาวะความเป็นกลดในช่องปาก พร้อมเคลือบเสริมความแข็งแรงให้กับฟัน ดังนั้นไม่ควรละเลย เพราะผิวฟันของเรามีการสูญเสียของผิวเคลือบฟันอยู่ตลอดเวลา

วิธีการแปรงฟันที่ถูกวิธี

ฟันของเรามักจะมีจุดที่เข้าถึงง่ายและยากแตกต่างกัน ซึ่งบริเวณที่เข้าถึงได้ยากนั้นจะทำให้แปรงได้ไม่สะอาด เช่น บริเวณฟันกรามล่างด้านใน บริเวณฟันกรามบนที่ติดกับกระพุ้งแก้ม
การแปรงฟันให้สะอาดทั่วถึง ขอแนะนำให้เริ่มจากจุดที่แปรงได้ยากที่สุดก่อน ซึ่งต้องใช้เวลาและอย่าลงแรง จนสะอาดจากนั้นจึงเน้นฟันซี่ถัดไปจนครบทุกด้าน เพื่อความสะอาดของช่องปากอย่างทั่วถึง ซึ่งมีวิธีดังนี้
  • วิธีการแปรงฟันบน

Modified Bass Technic หรือวิธี ขยับและปัด ทั่วทุกบริเวณ โดยยกขนแปรงให้เฉียงขึ้นชิดกับเหงือกและเพดาน จากนั้นใช้วิธี กด-ดึง-ปัด โดยให้ปลายขนแปรงจากเดิมที่ยกขึ้นเปลี่ยนมาขนานกับแนวของซี่ฟันบริเวณนั้น กดแนวขนแปรงส่วนสุดท้ายให้ชิดกับบริเวณคอฟัน แล้วดึงแปรงลง ซึ่งขนแปรงต้องสัมผัสกับผิวฟันตลอด
การแปรงในส่วนของฟันกรามด้านบน ทั้งด้านแก้มและเพดานปาก และฟันหน้าด้านที่ติดกับริมฝีปาก ขณะแปรงฟันให้เอียงขนแปรงเข้าหาเหงือก 45 องศา ขนแปรงจะแทรกเข้าร่องเหงือกได้เล็กน้อย ให้ออกแรงถูกไปมาประมาณ 3 – 4 ครั้ง แล้วปัดแปรงตวัดลงเข้าหาตัวฟัน จนสุดปลายฟัน ทำซ้ำกันประมาณ 5 – 6 ครั้ง
  • วิธีการแปรงฟันล่าง

การแปรงฟันบริเวณกรามล่างด้านแก้ม ด้านลิ้น ด้านริมฝีปาก ให้ใช้วิธีเดียวกับฟันบน คือวิธี ขยับและปัด โดยเอียงแปรงสีฟันลง 45 องศาให้ปลายขนแปรงแทรกเข้าไปในร่องเหงือก ถูไปมาอย่างเบามือ 3 – 4 ครั้งแล้วจึงปัดขึ้นเข้าหาตัวฟัน ทำเช่นนี้อีก 5 – 6 ครั้ง เช่นกัน
  • วิธีการแปรงฟันด้านบดเคี้ยว

ให้วางขนแปรงตั้งฉากกับฟันที่เคี้ยว ออกแรงถูไปมา 4 – 5 ครั้ง แปรงให้ทั่วทั้งด้านทุกซี่
  • การแปรงลิ้น

เป็นส่วนหนึ่งที่ไม่คนส่วนใหญ่มักละเลย ซึ่งจริงๆแล้วลิ้นเป็นส่วนหนึ่งที่เป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรีย โดยอาจมีทั้งเศษอาหาร หรือหากสังเกตุจะพบฝ้าขาวบริเวณลิ้น ซึ่งหากไม่ทำความสะอาดปล่อยทิ้งไว้ จะทำให้เกิดกลิ่นปาก แม้จะแปรงฟันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นการทำความสะอาดลิ้น จึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยใช้ขนแปรงสีฟันถูเบาบนลิ้น

ข้อควรจำเกี่ยวกับการแปรงฟันอย่างถูกวิธี

  1. ควรแปรงฟันทุกครั้งหลังรับประทานอาหาร โดยเฉพาะขณะรับประทานอาหารประเภทแป้งและน้ำตาล
  2. ใส่ใจกับการแปรงฟันให้ทั่วทั้งปาก ทั้งฟันบนและฟันล่าง ไม่ว่าจะด้านในหรือด้านนอกให้ทั่ว
  3. การแปรงฟัน ควรแปรงแต่ละด้านให้ได้ประมาณ 4 – 5 ครั้ง และควรทำอย่างเบามือ
  4. แปรงฟันอย่าใจร้อน ควรแปรงฟันให้ได้ประมาณ 2 – 3 นาที
  5. การแปรงฟันที่ควรหลีกเลี่ยง คือการแปรงฟันที่กดด้ามแปรงขยับตามขวาง หรือขึ้นลงพร้อมกันแรงๆ เพราะจะทำให้เหงื่อกร่น และฟันสึกกร่อนอย่างรวดเร็ว
  6. ควรใส่ใจกับขนาดของแปรงสีฟัน ต้องสามารถเข้าถึงจุดที่เข้าถึงยากได้ดี และขนแปรงต้องไม่แข็งจนเกินไป

นิทานพื้นบ้านเรื่อง ยายกะตา



ยายกะตาปลูกถั่วปลูกงาให้หลานเฝ้า
หลานไม่เฝ้า
กามากินถั่วกินงาเจ็ดเมล็ดเจ็ดทะนาน
ยายกะตายายมายายด่า ตามาตาตี
หลานร้องไห้ไปหานายพราน ขอให้ช่วยยิงกา
กากินถั่วกินงาเจ็ดเมล็ดเจ็ดทะนาน
ยายมายายก็ด่า ตามาตาก็ตี
นายพรานตอบว่า “ไม่ใช่กงการอะไรของข้า” 


หลานจึงไปหาหนู ขอให้ช่วยกัดสายธนูนายพราน
นายพรานไม่ช่วยยิงกา
กากินถั่วกินงาเจ็ดเมล็ดเจ็ดทะนาน
ยายมายายด่า ตามาตาตี
หนูตอบว่า “ไม่ใช่กงการอะไรของข้า”
หลานจึงไปหาแมว ขอให้แมวช่วยกัดหนู
หนูไม่ช่วยกัดสายธนูนายพราน
นายพรานไม่ช่วยยิงกา
กากินถั่วกินงาเจ็ดเมล็ดเจ็ดทะนาน
ยายมายายด่า ตามาตาตี
แมวตอบว่า “ไม่ใช่กงการอะไรของข้า”
หลานจึงไปหาหมา ขอให้ช่วยกัดแมว
แมวไม่ช่วยกัดหนู
หนูไม่ช่วยกัดสายธนูนายพราน
นายพรานไม่ช่วยยิงกา
กากินถั่วกินงาเจ็ดเมล็ดเจ็ดทะนาน
ยายมายายด่า ตามาตาตี
หมาตอบว่า “ไม่ใช่กงการอะไรของข้า”
หลานจึงไปหาไม้ค้อนให้ย้อนหัวหมา
หมาไม่ช่วยกัดแมว
แมวไม่ช่วยกัดหนู
หนูไม่ช่วยกัดสายธนูนายพราน
นายพรานไม่ช่วยยิงกา
กากินถั่วกินงาเจ็ดเมล็ดเจ็ดทะนาน
ยายมายายด่า ตามาตาตี
ไม้ค้อนตอบว่า “ไม่ใช่กงการอะไรของข้า”
หลานจึงไปหาไฟให้ช่วยไหม้ไม้ค้อน
ไม้ค้อนไม่ช่วยย้อนหัวหมา
หมาไม่ช่วยกัดแมว
แมวไม่ช่วยกัดหนู
หนูไม่ช่วยกัดสายธนูนายพราน
นายพรานไม่ช่วยยิงกา
กากินถั่วกินงาเจ็ดเมล็ดเจ็ดทะนาน
ยายมายายด่า ตามาตาตี
ไฟตอบว่า “ไม่ใช่กงการอะไรของข้า”
หลานจึงไปหาน้ำให้ช่วยดับไฟ
ไฟไม่ช่วยไหม้ไม้ค้อน
ไม้ค้อนไม่ช่วยย้อนหัวหมา
หมาไม่ช่วยกัดแมว
แมวไม่ช่วยกัดหนู
หนูไม่ช่วยกัดสายธนูนายพราน
นายพรานไม่ช่วยยิงกา
กากินถั่วกินงาเจ็ดเมล็ดเจ็ดทะนาน
ยายมายายด่า ตามาตาตี
น้ำตอบว่า “ไม่ใช่กงการอะไรของข้า”
หลานจึงไปหาตลิ่งให้ช่วยพังทับน้ำน้ำไม่ช่วยดับไฟ
ไฟไม่ช่วยไหม้ไม้ค้อน
ไม้ค้อนไม่ช่วยย้อนหัวหมา
หมาไม่ช่วยกัดแมว
แมวไม่ช่วยกัดหนู
หนูไม่ช่วยกัดสายธนูนายพราน
นายพรานไม่ช่วยยิงกา
กากินถั่วกินงาเจ็ดเมล็ดเจ็ดทะนาน
ยายมายายด่า ตามาตาตี
ตลิ่งตอบว่า “ไม่ใช่กงการอะไรของข้า”
หลานจึงไปหาช้างให้ช่วยถล่มตลิ่ง
ตลิ่งไม่ช่วยพังทับน้ำ
น้ำไม่ช่วยดับไฟ
ไฟไม่ช่วยไหม้ไม้ค้อน
ไม้ค้อนไม่ช่วยย้อนหัวหมา
หมาไม่ช่วยกัดแมว
แมวไม่ช่วยกัดหนู
หนูไม่ช่วยกัดสายธนูนายพราน
นายพรานไม่ช่วยยิงกา
กากินถั่วกินงาเจ็ดเมล็ดเจ็ดทะนาน
ยายมายายด่า ตามาตาตี
ช้างตอบว่า “ไม่ใช่กงการอะไรของข้า”
หลานจึงไปหาแมลงหวี่ให้ช่วยตอมตาช้าง
ช้างไม่ช่วยถล่มตลิ่ง
ตลิ่งไม่ช่วยพังทับน้ำ
น้ำไม่ช่วยดับไฟ
ไฟไม่ช่วยไหม้ไม้ค้อน
ไม้ค้อนไม่ช่วยย้อนหัวหมา
หมาไม่ช่วยกัดแมว
แมวไม่ช่วยกัดหนู
หนูไม่ช่วยกัดสายธนูนายพราน
นายพรานไม่ช่วยยิงกา
กากินถั่วกินงาเจ็ดเมล็ดเจ็ดทะนาน
ยายมายายด่า ตามาตาตี
แมลงหวี่ตอบว่า “ข้าจะช่วยตอมตาช้างให้ตาเน่า
ทั้งสองข้าง” 
ช้างตกใจจึงรีบไปช่วยถล่มตลิ่ง
ตลิ่งจึงรีบไปช่วยพังทับน้ำ
น้ำจึงรีบไปช่วยดับไฟ
ไฟจึงรีบไปช่วยไหม้ไม้ค้อน
ไม้ค้อนจึงรีบไปช่วยย้อนหัวหมา
หมาจึงรีบไปช่วยกัดแมว
แมวจึงรีบไปช่วยกัดหนู
หนูจึงรีบไปช่วยกัดสายธนูของนายพราน
นายพรานจึงรีบไปช่วยยิงกา
กาจึงเอาถั่วเอางาเจ็ดเมล็ดเจ็ดทะนานมาคืนหลาน
หลานเอาถั่วเอางาไปให้แก่ยายกะตา
ยายกะตาก็เลิกด่าเลิกตีหลานแต่นั้นมา
ปัจจุบัน นิทาน ยายกะตา ปรากฏในแบบเรียนหลักของไทย คือ ในหนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐานภาษาไทย ชุดภาษาไทยเพื่อชีวิต ชื่อหนังสือ “วรรณคดีลำนำ” และเคยจัดพิมพ์เฉพาะเนื้อเรื่อง เป็นหนังสืออ่านนอกเวลาของนักเรียนระดับประถมศึกษา โดยเฉพาะหนังสือวรรณคดีลำนำ ได้คัดลอกภาพทั้ง ๑๒ ภาพ และข้อความข้างใต้ภาพเรียงลำดับตั้งแต่ต้นจนจบ 

เพลงเด็ก เป็ดอาบน้ำ

เพลงเด็ก เป็ดอาบน้ำ





วีดิโอเพลงเป็ดอาบน้ำ



♫ เพลงเป็ดอาบน้ำ ♫
ก๊าบ ก๊าบ ก๊าบ เป็ดอาบน้ำในคลอง ตาก็จ้องแลมอง เพราะในคลองมี หอยปลาปู
ก๊าบ ก๊าบ ก๊าบ เป็ดอาบน้ำในคู ตาก็จ้องแลดูเพราะในคูมี หอยปูปลา
ก๊าบ ก๊าบ ก๊าบ เป็ดอาบน้ำในคลอง ตาก็จ้องแลมอง เพราะในคลองมี หอยปลาปู
ก๊าบ ก๊าบ ก๊าบ เป็ดอาบน้ำในคู ตาก็จ้องแลดูเพราะในคูมี หอยปูปลา



♫ DUCK TAKES BATH SONG ENGLISH LYRICS ♫
Quak Quak Quak, Duck shower in pond. Eye look around because in pond have snells, fish, crabs. 
Quak Quak Quak, Duck shower in pond. Eye look around because in pond have snails, fish, crabs. 
Quak Quak Quak, Duck shower in pond. Eye look around because in pond have snails, fish, crabs. 
Quak Quak Quak, Duck shower in pond. Eye look around because in pond have snails, fish, crabs. 

เครดิต https://www.youtube.com/watch?v=X8Exc1ZSnkA 

นิทาน พระคุณของเเม่ ไทย/อังกฤษ


When you came into the world, she held you in her arms.
You thanked her by wailing like a banshee.
When you were 1 year old, she fed you and bathed you.
You thanked her by crying all night long.
เมื่อคุณกำเนิดมาในโลกนี้ เธออุ้มคุณไว้ในอ้อมอก
คุณขอบคุณเธอโดยการร้องไห้
เมื่อคุณอายุ 1 ขวบ เธอป้อนข้าวและอาบน้ำให้คุณ
คุณขอบคุณเธอโดยการงอแงทั้งคืนวัน
When you were 2 years old, she taught you to walk.
You thanked her by running away when she called.
When you were 3 years old, she made all your meals with love.
You thanked her by tossing your plate on the floor.
เมื่อคุณอายุ 2 ขวบ เธอสอนคุณเดิน
คุณขอบคุณเธอด้วยการวิ่งหนีเมื่อเธอเรียกหา
เมื่อคุณอายุ 3 ขวบ เธอทำอาหารทุกอย่างให้คุณด้วยความรัก
คุณขอบคุณเธอด้วยการโยนจานลงพื้น
When you were 4 years old, she gave you some crayons.
You thanked her by coloring the dining room table.
When you were 5 years old, she dressed you for the holidays.
You thanked her by plopping into the nearest pile of mud.
เมื่อคุณอายุ 4 ขวบ เธอให้ดินสอสีคุณ
คุณขอบคุณเธอด้วยการระบายสีบนโต๊ะอาหาร
เมื่อคุณอายุ 5 ขวบ เธอแต่งชุดเก่งให้คุณเพื่อไปเที่ยว
คุณขอบคุณเธอด้วยการทำชุดเก่งนั้นเปื้อนโคลนเลอะเทอะ
When you were 6 years old, she walked you to school.
You thanked her by screaming, “I’M NOT GOING!”
When you were 7 years old, she bought you a ball.
You thanked her by throwing it through the next-door-neighbor’s window.
เมื่อคุณอายุ 6 ขวบ เธอเดินไปส่งคุณไปโรงเรียน
คุณขอบคุณเธอด้วยการกรีดร้องว่า “ไม่ไป!!!”
เมื่อคุณอายุได้ 7 ขวบ เธอซื้อบอลให้คุณ
คุณขอบคุณเธอด้วยการไปทำหน้าต่างของเพื่อนบ้านแตก
When you were 8 years old, she handed you an ice cream.
You thanked her by dripping it all over your lap.
When you were 9 years old, she paid for piano lessons.
You thanked her by never even bothering to practice.
เมื่อคุณอายุได้ 8 ขวบ เธอซื้อไอศกรีมให้คุณ
คุณขอบคุณเธอด้วยการทำมันหกเลอะเทอะไปทั่ว
เมื่อคุณอายุได้ 9 ขวบ เธอสอนเปียโนให้คุณ
คุณขอบคุณเธอด้วยการไม่เคยแม้แต่จะซ้อม
When you were 10 years old, she drove you all day, 
from soccer to gymnastics to one birthday party after another.
You thanked her by jumping out of the car and never looking back.
When you were 11 years old, she took you and your friends to the movies.
You thanked her by asking to sit in a different row.
เมื่อคุณอายุ 10 ขวบ เธอขับรถไปส่งคุณทุกวัน,
ตั้งแต่สนามบอล, โรงยิม, ยันงานเลี้ยงวันเกิดของเพื่อนแต่ละคน
คุณขอบคุณเธอด้วยการกระโดดออกนอกรถ โดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง
เมื่อคุณอายุ 11 ขวบ เธอพาคุณและเพื่อนคุณไปดูหนัง
คุณขอบคุณเธอด้วยการขอนั่งที่นั่งคนละแถว
When you were 12 years old, she warned you not to watch certain TV shows.
You thanked her by waiting until she left the house.
When you were 13, she suggested a haircut that was becoming.
You thanked her by telling her she had no taste.
เมื่อคุณอายุ 12 ขวบ เธอเตือนคุณอย่าดูทีวี
คุณขอบคุณเธอด้วยการรอเธอออกไปก่อน แล้วดูต่อ
เมื่อคุณอายุ 13 เธอแนะให้คุณตัดผมให้มันดูดี
คุณขอบคุณเธอด้วยการบอกว่าเธอไม่มีรสนิยมเอาเสียเลย
When you were 14, she paid for a month away at summer camp.
You thanked her by forgetting to write a single letter.
When you were 15, she came home from work, looking for a hug.
You thanked her by having your bedroom door locked.
เมื่อคุณอายุ 14 เธอจ่ายค่าซัมเมอร์แคมป์หนึ่งเดือนให้คุณ
คุณขอบคุณเธอด้วยการไม่ได้เขียนจดหมายมาหาเลยสักฉบับนึง
เมื่อคุณอายุ 15 เธอกลับบ้านหลังเลิกงาน อยากได้กอดสักครั้ง
คุณขอบคุณเธอด้วยการล็อกห้องนอนขังตัวเองในห้อง
When you were 16, she taught you how to drive her car.
You thanked her by taking it every chance you could.
เมื่อคุณอายุ 16 เธอสอนคุณขับรถ
คุณขอบคุณเธอด้วยการเอารถไปขับทุกเวลาที่คุณจะเอาไปได้
When you were 17, she was expecting an important call.
You thanked her by being on the phone all night.
When you were 18, she cried at your high school graduation.
You thanked her by staying out partying until dawn.
เมื่อคุณอายุ 17 เธอกำลังรอโทรศัพท์สายสำคัญ
คุณขอบคุณเธอด้วยการใช้สายตลอดคืนนั้น
เมื่อคุณอายุ 18 เธอร้องไห้ในวันที่คุณเรียนจบมัธยม
คุณขอบคุณเธอด้วยการฉลองยันเช้า
When you were 19, she paid for your college tuition, drove you to campus carried your bags.
You thanked her by saying good-bye outside the dorm
so you wouldn’t be embarrassed in front of your friends.
When you were 20, she asked whether you were seeing anyone.
You thanked her by saying, “It’s none of your business.”
เมื่อคุณอายุ 19 เธอจ่ายค่ากวดวิชา ขับรถไปรับไปส่ง
คุณขอบคุณเธอด้วยการบอกลาข้างนอก
เพื่อที่จะไม่ได้อายเพื่อน
เมื่อคุณอายุ 20 เธอถามคุณว่ามีแฟนหรือยัง
คุณขอบคุณเธอด้วยการพูดว่า ไม่ใช่เรื่องของเธอสักหน่อย
When you were 21, she suggested certain careers for your future.
You thanked her by saying, “I don’t want to be like you.”
When you were 22, she hugged you at your college graduation.
You thanked her by asking whether she could pay for a trip to Europe.
เมื่อคุณอายุ 21 เธอแนะนำอาชีพให้คุณสำหรับอนาคต
คุณขอบคุณเธอด้วยการบอกว่า คุณไม่อยากเป็นอย่างเธอ
เมื่อคุณอายุ 22 เธอกอดคุณวันรับปริญญา
คุณขอบคุณเธอด้วยการบอกว่า อยากได้รางวัลไปเที่ยวยุโรปสักครั้ง
When you were 23, she gave you furniture for your first apartment.
You thanked her by telling your friends it was ugly.
When you were 24, she met your fiance and asked about your plans for the future.
You thanked her by glaring and growling, “Muuhh-ther, please!”
เมื่อคุณอายุ 23 เธอให้เฟอร์นิเจอร์ตกแต่งในอพาร์ตเมนท์แห่งแรกของคุณ
คุณขอบคุณเธอด้วยการบอกเพื่อนๆ ว่า มันช่างน่าเกลียดเสียนี่กระไร
เมื่อคุณอายุ 24 เธอพบคู่หมั้นคู่หมายของคุณและถามคุณเกี่ยวกับแผนการในอนาคต
คุณขอบคุณเธอด้วยการจ้องมองเขม็งพร้อมพูดว่า “แม่ โปรดเถอะอย่ายุ่งกับเรื่องนี้”
When you were 25, she helped to pay for your wedding,
and she cried and told you how deeply she loved you.
You thanked her by moving halfway across the country.
When you were 30, she called with some advice on the baby.
You thanked her by telling her, “Things are different now.”
เมื่อคุณอายุ 25 เธอช่วยคุณจ่ายค่าใช้จ่ายงานแต่งงานและสินสอด
ร้องไห้และบอกคุณว่าเธอรักคุณแค่ไหน
คุณขอบคุณเธอด้วยการย้ายไปอีกฟากหนึ่งของประเทศ
เมื่อคุณอายุ 30 เธอโทรมาหาพร้อมกับแนะนำเรื่องการเลี้ยงเด็ก
คุณขอบคุณเธอด้วยการบอกว่า สมัยนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว
When you were 40, she called to remind you of an relative’s birthday.
You thanked her by saying you were “really busy right now.”
When you were 50, she fell ill and needed you to take care of her.
You thanked her by reading about the burden parents become to their children.
เมื่อคุณอายุ 40 เธอโทรมาเตือนความจำคุณเกี่ยวกับวันคล้ายวันเกิดญาติ
คุณขอบคุณเธอด้วยการบอกว่า ตอนนี้ไม่ว่างเลย
เมื่อคุณอายุ 50 เธอเริ่มชราและไม่ค่อยสบาย ต้องการให้ดูแล
คุณขอบคุณเธอด้วยการบอกว่ามันเป็นภาระแค่ไหนที่จะต้องเลี้ยงดูเธอ
And then, one day, she quietly died. And everything you never did
came crashing down like thunder. “Rock me baby, rock me all night long.”
Please paid little bit attention to the one you called “mom”.
และแล้ว วันหนึ่ง เธอจากไปอย่างเงียบสงบ และทุกอย่างที่คุณไม่เคยกระทำ
จะเหมือนฟ้าผ่าในใจคุณ “เรียกแม่ไปเถอะลูก เรียกตลอดทั้งคืนนะ”
โปรดใช้เวลาสักนิด แสดงออกถึงความลึกซึ้งแด่คนที่เราเรียกว่าแม่
(แม้จะไม่กล้าพูดออกมาก็ตามที)
Nothing can replace her although,
Sometimes she is not the one who mostly understand in you.
Or she may not agree with your thought but she still your “mom” …
And you can believe that she can do everything for you.
ไม่มีอะไรแทนที่เธอได้
แม้ว่าบางคราวเธออาจจะไม่ได้เป็นคนที่เข้าใจคุณมากที่สุด หรืออาจไม่เห็น
ด้วยกับความคิดของคุณ แต่เธอก็คือแม่ของคุณ …
และเชื่อได้ว่าเธอจะทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อคุณ รับฟังทุกปัญหา ทุกความกังวล
Listen to your problems, every anxious.
Do you have more time to listen to her worry from work?

Do you used to concern about her tired? Please love her so much although
She and you have the conflict because when she pass away.
It’s remain the memory and sad. Do not ignore the one who closely to your heart?
Love her more than you love yourself
ถามตัวคุณเองดูเถิด
คุณมีเวลาที่จะฟังความเศร้าความกังวลใจของเธอจากการทำงาน หรือจากในครัวไหม?
คุณเคยคิดถึงความเหนื่อยยากของเธอไหม? รักเธอให้มาก
แม้ว่าจะคิดเห็นแตกต่างกัน เพราะเมื่อเธอจากไป
จะเหลือเพียงความทรงจำและความเสียใจเท่านั้น อย่าเพิกเฉยกับคนที่ใกล้หัวใจคุณที่สุด?
รักเธอให้มากกว่าที่คุณรักตัวเอง 

นิทานภาษาอังกฤษ หนูน้อยหมวกแดง

Little Red Riding Hood 



There was once a sweet little maid who lived with her father and mother in a pretty little cottage at the edge of the village. At the further end of the wood was another pretty cottage and in it lived her grandmother.
Everybody loved this little girl, her grandmother perhaps loved her most of all and gave her a great many pretty things. Once she gave her a red cloak with a hood which she always wore, so people called her Little Red Riding Hood.
One morning Little Red Riding Hood’s mother said, “Put on your things and go to see your grandmother. She has been ill; take along this basket for her. I have put in it eggs, butter and cake, and other dainties.”
It was a bright and sunny morning. Red Riding Hood was so happy that at first she wanted to dance through the wood. All around her grew pretty wild flowers which she loved so well and she stopped to pick a bunch for her grandmother.
Little Red Riding Hood wandered from her path and was stooping to pick a flower when from behind her a gruff voice said, “Good morning, Little Red Riding Hood.” Little Red Riding Hood turned around and saw a great big wolf, but Little Red Riding Hood did not know what a wicked beast the wolf was, so she was not afraid.
“What have you in that basket, Little Red Riding Hood?”
“Eggs and butter and cake, Mr. Wolf.”
“Where are you going with them, Little Red Riding Hood?”
“I am going to my grandmother, who is ill, Mr. Wolf.”
“Where does your grandmother live, Little Red Riding Hood?”
“Along that path, past the wild rose bushes, then through the gate at the end of the wood, Mr. Wolf.”
Then Mr. Wolf again said “Good morning” and set off, and Little Red Riding Hood again went in search of wild flowers.
At last he reached the porch covered with flowers and knocked at the door of the cottage.
“Who is there?” called the grandmother.
“Little Red Riding Hood,” said the wicked wolf.
“Press the latch, open the door, and walk in,” said the grandmother.
The wolf pressed the latch, and walked in where the grandmother lay in bed. He made one jump at her, but she jumped out of bed into a closet. Then the wolf put on the cap which she had dropped and crept under the bedclothes.
In a short while Little Red Riding Hood knocked at the door, and walked in, saying, “Good morning, Grandmother, I have brought you eggs, butter and cake, and here is a bunch of flowers I gathered in the wood.” As she came nearer the bed she said, “What big ears you have, Grandmother.”
“All the better to hear you with, my dear.”
“What big eyes you have, Grandmother.”
“All the better to see you with, my dear.”
“But, Grandmother, what a big nose you have.”
“All the better to smell with, my dear.”
“But, Grandmother, what a big mouth you have.”
“All the better to eat you up with, my dear,” he said as he sprang at Little Red Riding Hood.
Just at that moment Little Red Riding Hood’s father was passing the cottage and heard her scream. He rushed in and with his axe chopped off Mr. Wolf’s head.
Everybody was happy that Little Red Riding Hood had escaped the wolf. Then Little Red Riding Hood’s father carried her home and they lived happily ever after.